ออกกำลังกายกายภาพบำบัด

5 วิธี ทำกล้ามเนื้อตาให้แข็งแรง

ดวงตาเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ทำงานหนักตลอดเวลา เป็นสาเหตุให้ดวงตาเป็นจุดแสดงถึงความเครียดและเหนื่อยล้าได้ชัดเจน รวมทั้งยังเป็นจุดหนึ่งที่มักเห็นร่องรอยแห่งวัย ดังนั้น การนวด หรือ การกดจุดประกอบ เป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ผิวรอบดวงตาได้รับความผ่อนคลาย และยังป้องกันการเกิดปัญหาบนผิวรอบดวงตาต่าง ๆ ได้ดี ดร.แอนดรูส์ ไวล์ แพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและนักพฤกษศาสตร์ ผู้นำด้านการแพทย์แบบองค์รวม แนะนำเคล็ดลับบริหารกล้ามเนื้อตาง่าย ๆ มี 5 ขั้นตอนมาฝากดังนี้ ท่าบริหารที่หนึ่ง กรอกตาขึ้นด้านบนให้สูงที่สุด ต่อด้วยการกรอกตาลงข้างล่างให้ต่ำที่สุด ทำสลับกัน 4 ครั้ง และจบที่การกะพริบตาเร็ว ๆ สักครู่ เพื่อคลายกล้ามเนื้อตา ท่าบริหารที่ 2 กรอกตาไปด้านข้างซ้ายขวาในระดับสายตา ถือดินสอหรือนิ้วชี้ไว้ข้าง ๆ ตัว โดยกำหนดให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกับสายตา เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการมอง ระยะห่างของเกณฑ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย โดยเกณฑ์การมองควรอยู่ในจุดที่สามารถเหลือบมองข้าง และเห็นชัดเจนไม่ต้องเกร็งตามากเกินไป เริ่มกรอกตาสลับซ้ายขวา 4 ครั้ง ปิดท้ายด้วยการกะพริบตาเร็ว ๆ 2-3 ครั้ง และหลับตาเพื่อพักสายตาสักครู่ ท่าบริหารที่ 3 กำหนดจุดที่มองเห็นเมื่อกรอกตามองขึ้นบริเวณขวามือ และกำหนดจุดที่สามารถเหลือบได้ชัดเจนเมื่อมองลงที่มุมล่างซ้ายมือ […]

บริหารต้นคอ บรรเทาปวดออฟฟิศซินโดรม

ทุกครั้งที่มนุษย์เคลื่อนไหว ต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อในการหดตัวและคลายตัว เพื่อที่จะดึงให้กระดูกส่วนนั้นเคลื่อนไหวตามไปด้วย และในการทำงานที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวติดต่อกันเป็นระยะนานๆ อย่างการดูคอมพิวเตอร์  กล้ามเนื้อส่วนบริเวณคอจะเกิดอาการอักเสบทีละเล็กน้อย มีอาการเหมือนคนนอนตกหมอน คอเคล็ด  เมื่อปล่อยไว้ไม่ได้หาทางแก้ไขที่ต้นเหตุ ก็มักจะมีอาการรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นที่เรียกว่า เกิดภาวะกล้ามเนื้อต้นคอล้มเหลว นั้นคือ จะนั่งทำงานชูคอต่อไปไม่ได้ แล้วปวดจนไม่ไหวอาจมีอาการปวดหัว คลื่นไส้เป็นไมเกรนตามมา สังเกตอาการโรคกล้ามเนื้อต้นคอล้มเหลวมีอยู่ด้วยกัน 3 ระยะ 1. ระยะที่โรคจำกัดอยู่ที่การอักเสบของกล้ามเนื้อ ปวดสะบัก นั่งดูคอมพิวเตอร์นานไม่ได้ ตัวรุมเหมือนมีไข้ ระยะนี้คนไข้จะติดการนวด การดัดคอเหมือนเป็นการซื้อเวลาผ่อนคลายชั่วคราว ไม่ได้หายจากโรคนี้จริง 2. ระยะกระดูกคอเคลื่อน เมื่อคนเราปวดเมื่อยคอเป็นระยะเวลาหลายปี เวลาไปเอ็กซเรย์ก็อาจจะเริ่มเห็นหินปูนไปเกาะตามส่วนต่างๆ ของข้อต่อกระดูกคอ หินปูนที่เกิดขึ้นจะสะสมมากขึ้นอยู่ในข้อ ทำให้การเคลื่อนไหวข้อไม่สะดวก 3. ระยะเส้นประสาทคอถูกกดทับ เมื่อช่วงรางของไขประสาทส่วนคอตีบแคบลง จากการที่มีหินปูนมาเกาะที่กระดูกส่วนคอมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราการไหลเวียนของกระเลือดแดงที่ไปหล่อเลี้ยงเส้นประสาทจะลดลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดร้าวลงแขน แขนชา มือชา อาการปวดที่แขนจะรุนแรงกว่าปวดคอหลายเท่าบางครั้งผู้ป่วยจะบอกว่าเหมือนกล้ามเนื้อถูกฉีกเมื่อปล่อยให้เซลล์ประสาทถูกทำลายลงเรื่อยๆ กล้ามเนื้อบริเวณส่วนแขน สะบังย้อนขึ้นไปที่คอก็จะลีบแขน และมือไม่มีแรง สุดท้ายเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเท่านั้น เพราะสังคมไทยปัจจุบันเป็นสังคมที่รีบเร่ง ทำให้คนเราโดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยทำงาน ไม่มีเวลาที่จะดูและสุขภาพของตนเอง ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายบริหารให้กล้ามเนื้อต้นคอ แข็งแรง ได้แต่ใช้ไปวันๆ เพราะถ้าเราไม่สามารถทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงสม่ำเสมอ และงานที่ทำไม่ได้เคลื่อนไหวคอติดต่อเป็นเวลานานๆ ภาวะกล้ามเนื้อล้มเหลวก็จะตามมาเยือน […]

ตอนที่ 93 ออกกำลังกายแบบแอโรบิคหรือเต้นแอโรบิค

การออกกำลังขั้นต้นที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งผู้เขียนก็ทำอยู่สม่ำเสมอ ตอนที่ 93 ออกกำลังกายแบบแอโรบิคหรือเต้นแอโรบิค เวลาไปบรรยายเรื่องการออกกำลังกายแบบสายกลาง มักจะมีคำถามว่า การออกกำลังแบบแอโรบิค คือการเต้นแอโรบิคใช่ใหม คำตอบ คือ ใช่ และไม่ใช่ อย่าเพิ่งสงสัย อ่านคำอธิบายข้างล่างนี้ก่อน การออกกำลังกายแบบแอโรบิค คืออะไร คำตอบคือการออกกำลังกายชนิดไหนก็ได้ที่ใช้พลังงานชนิดแอโรบิค หรือมีการใช้ออกซิเจนในการสร้างพลังงานให้กล้ามเนื้อที่ออกกำลังนั้น ขอเปรียบเทียบตัวคนเราเป็นรถยนต์ ซึ่งมีกล้ามเนื้อแขนขา เป็นเครื่องจักรที่จะทำให้คน เคลื่อนไหวได้ รถยนต์เครื่องเบนซินต้องใช้น้ำมันเบนซินเป็นพลังงาน คนเครื่องกล้ามเนื้อแขนขาต้องใช้น้ำมันคนคือน้ำมัน ATP(adenosine-Tri-Phosphate) เป็นพลังงาน การออกกำลังกายทุกชนิด กล้ามเนื้อจะเริ่มใช้พลังงานหรือน้ำมันคนที่มีเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อก่อน แต่มีปริมาณน้อยมาก เพียง 2 – 3 วินาที น้ำมันคนก็จะหมดไป แต่ต่อมากล้ามเนื้อยังคงทำงานต่อไปเพราะในใยกล้ามเนื้อมีโรงงานกลั่นน้ำมันตน (mitochondria) สามารถกลั่นสารอาหารที่กักเก็บไว้ในกล้ามเนื้อ เช่น กรัยโคเจนหรือฟอสฟาเจนเป็นต้น ให้เป็นน้ำมันคนซึ่งการกลั่นน้ำมันช่วงนี้ไม่มีการใช้ออกซิเจนในการกลั่นน้ามันเลย เรียกว่า Anaerobic energy พลังงานที่ไม่ใช่แอโรบิค กล้ามเนื้อออกแรงต่อไปเรื่อยๆ ประมาร 3 นาที สารอาหารที่เก็บไว้ในใยกล้ามเนื้อจะหมดไป แต่กล้ามเนื้อก็ยังออกแรงต่อไปได้อีก ถามว่าเอาน้ำมันที่ไหนมาใช้ คำตอบสุดท้ายก็คือ เอาน้ำตาล […]

5 ท่ายืดเหยียดแก้ปวดคอเรื้อรัง

ผลจากโรคขยันทำงานโดยไม่เปลี่ยนท่า ชาวมนุษย์ออฟฟิศจึงถูกโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังรุมเร้า ทำให้รู้สึกปวดและกดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อคอตลอดเวลา นายแพทย์ลิขิต รักษ์พลเมือง จากภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล จึงแนะนำท่าบริหารที่ควรทำเป็นประจำ เพื่อคลายอาการปวดกล้ามเนื้อคอ โดยหันหน้าตรงเป็นท่าเตรียม แล้วทำตามท่าต่อไปนี้ …  ท่าที่ 1 หันศีรษะไปทางซ้ายช้าๆ โดยใช้มือขวาช่วยดันใบหน้าให้ค้างไว้ นับ 1-10 กลับสู่ท่าเตรียม สลับทำด้านขวาอีกหนึ่งครั้ง   ท่าที่ 2 ก้มศีรษะลงช้าๆ ให้คางชิดอกมากที่สุด นับ 1-10 กลับสู่ท่าเตรียม ทำหนึ่งครั้ง   ท่าที่ 3 เงยศีรษะขึ้นช้าๆ ทิ้งศีรษะไปทางด้านหลังให้มากที่สุด นับ 1-10 กลับสู่ท่าเตรียม ทำหนึ่งครั้ง   ท่าที่ 4 เอียงศีรษะไปทางด้านซ้าย โดยใช้มือซ้ายช่วยกดให้ศีรษะชิดไหล่มากที่สุด นับ 1-10 กลับสู่ท่าเตรียม สลับทำด้านขวาอีกหนึ่งครั้ง   ท่าที่ 5 หันหน้าไปทางด้านซ้าย 45 องศา โดยใช้มือขวาช่วยดันใบหน้าค้างไว้ […]

แกว่งแขนกายบริหารแบบง่ายๆช่วยบำบัดโรค

 นับเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายจะช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจดี และประการสำคัญซึ่งเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงก็คือ ช่วยให้ทรวดทรงได้สัดส่วน หากแต่เชื่อได้เลยว่าทุกวันนี้คุณสาวๆ คงไม่ค่อยจะมีเวลาไปออกกำลังกายนัก หรือไม่ก็อาจจะทำงานติดพันจนพลอยขี้เกียจออกกำลังกายไปเลย… คราวนี้เราเลยขอนำเสนอการบริหารกายพื้นฐานง่ายๆ ด้วยการแกว่งแขนซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังสามารถรักษาโรคได้ด้วย วิธีกายบริหารด้วยการแกว่งแขนนี้ นำมาจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม (ตั๊กม้อโจ้วซือ) ชื่อว่า คัมภีร์ ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง ซึ่งนับเป็นวิธีออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและขจัดโรคภัย ปฏิบัติได้ง่าย แต่ให้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์! การแกว่งแขนนี้เป็นการแกว่งให้เลือดลมเดินได้สะดวก และปรับสภาพเส้นเอ็น โดยจะช่วยรักษาโรคความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ หัวใจ ประสาท โรคจิต ไต ตับ อัมพาต เนื้องอก มะเร็ง นอนไม่หลับ โรคโลหิต ถึงโรคเรื้อรังต่าง ๆ แทบทุกโรคที่เกิดจากการเต้นของชีพจรไม่สม่ำเสมอ และเลือดลมที่เดินไม่สะดวกทั้งสิ้น การแกว่งแขนจะทำให้การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้นตามลำดับ และชีพจรก็จะเต้นได้สม่ำเสมอ นับเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายมากทั้งยังให้ผลเกินคาด เพียงแต่ผู้ปฏิบัติต้องมีความขยันและอดทนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สามารถทำได้ทุกที่ หากแต่ถ้าจะทำในที่โล่งได้ก็จะดีมากเพราะจะได้อากาศบริสุทธิ์ ยิ่งยืนบนหญ้าก็จะได้แร่ธาตุจากดินจากน้ำค้างด้วย มาดูวิธีการปฏิบัติกันเลยค่ะ…  1. ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะห่างเท่ากับหัวไหล่  2. ปล่อยมือสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ให้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปข้างหลัง […]

5 ท่า 5 วัน แก้ออฟฟิศ ซินโดรม

เพื่อจะให้คนทำงานทุกคนรู้จักรับมือกับอาการปวดเมื่อยได้อย่างทันท่วงที ผลิตภัณฑ์นูโรเฟน จัดงาน "เพนคิลเลอร์ มิวเซียม" พิพิธภัณฑ์วิวัฒนาการการบรรเทาความปวดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวบรวมวิธีการรักษาความปวดของมนุษย์ด้วยวิธีการต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อมาเป็นต้นฉบับในการรักษาอาการปวดเมื่อยให้คนไทย พร้อมกันนี้ ผศ.นายแพทย์ วิศาล คันธารัตนกุล หัวหน้าศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ได้มาเผยท่ากายบริหาร เพื่อรักษาอาการออฟฟิศ ซินโดรมด้วยตัวเองง่ายๆ 5 ท่า สำหรับ 5 วัน เริ่มจากเช้าวันจันทร์ ผศ.วิศาล แนะนำให้เหยียดกล้ามเนื้อบริเวณ คอ บ่า และไหล่ โดยใช้มือไพล่ไว้ทางด้านหลัง เน้นให้เคลื่อนไหวมากกว่าเกร็งค้าง จะช่วยให้กล้ามเนื้อยืดตัวได้ ขณะที่วันอังคาร ให้นั่งหลังตรง ใช้มือทั้งสองข้างจับข้อศอกของอีกข้างไว้ เหยียดกล้ามเนื้อข้างลำตัวสลับด้านกัน อาจใช้หนังสือหนาประมาณ 5 นิ้ว รองไว้ใต้ที่นั่งได้ ท่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่นั่งโต๊ะทำงานนานๆ เมื่อออกกำลังแล้วจะช่วยให้สบายมากขึ้น ต่อกันที่วันพุธ ช่วยบริหารมือให้กับคนที่ต้องใช้คีย์บอร์ดหรือใช้เมาส์นานๆ โดยการใช้มือทั้งสองข้างคล้องไว้ด้วยกัน และเหยียดข้อมือไปทั้งแขน จากนั้นปล่อยมือจากกัน กำมือเข้าออก แบมือขึ้นลง และขยับมือซ้ายขวา นายแพทย์วิศาลเผยว่า สำหรับวันพฤหัสบดี ให้ยืนขึ้น นำขาเหยียดพาดไว้กับเก้าอี้ ให้ตึงทั้งกล้ามเนื้อต้นขา […]

วิธีบริหารขาก่อนเข้านอน

ใครที่รู้ตัวว่า ขาใหญ่ แล้วอยากจะลดความใหญ่ของขาลงล่ะก็ มาดูวิธี บริหารขากัน เพียงแค่ใช้เวลาเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะเข้านอน ทำทุกวันรับรองสาวๆ จะได้มีเรียวขาที่เพรียวงาม วิธีบริหารขาก่อนเข้านอน มีดังต่อไปนี้  1. นอนหงายกับพื้น หาหมอนรองก้นไว้กันเจ็บ  2. ยกขาทั้งสองขึ้น เหยียดให้ตรง ค้างไว้ 2 นาที  3. ยังยกขาอยู่ แยกขาออกจากกัน แล้วหุบขาชิด ทำไปมา 20 ครั้ง  4. ปั่นจักรยานกลางอากาศสัก 100 ครั้ง  5. เปลี่ยนท่า นั่งกับพื้น เหยียดขา จากนั้นตีขาไปมากับพื้น 100 ครั้ง  

การกดจุดรักษาตนเอง

วิชาทุยน่า (นวดแบบจีน) นอกจากสามารถรักษาผู้ป่วยแล้ว เรายังสามารถนวดตัวเองเพื่อบรรเทาโรคต่างๆ หรือป้องกันการเกิดโรค ดังนี้ 1. การบำรุงสายตา 2. การบำรุงรักษาแขน และไหล่ 3. การบำรุงรักษาขา เข่า และข้อเท้า 4. การบำรุงรักษาเอว 5. การบำรุงรักษาอาการแน่นหน้าอก 6. การบำรุงม้ามและกระเพาะ 7. การทำจิตให้สงบ ผมได้รวบรวมวิธีการกดจุดมา ของคุณ นายชรัช งามศรัทธา จากเว็บไซต์ สำนักการแพทย์ทางเลือก

ท่านั่งและท่ายืนเพื่อสุขภาพที่ดีสำหรับคนทำงาน

    จากหนังสือบุคลิกภาพดีไม่มีโรคโดยคุณมานพ ประภาชานนท์  กล่าวว่า ท่ายืนและท่านั่ง   มีผลต่อสุขภาพคุณมากยิ่งคนทำงานบางครั้งเร่งรีบและมองข้ามความสำคัญกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น การนั่ง นอน ยืน เดิน ท่านั่งขับรถ ฯลฯซึ้งเหล่านี้ไม่ควรมองข้ามเพราะสามารถส่งผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา อาทิเช่น ปวดเมื่อยหลัง ปวดศรีษะ ซึ่งบางคนก็ต้องพึ่งพาหมอหรือยาแต่ความจริงแล้วถ้าเรารู้วิธีปฎิบัติบัติตัวอย่างถูกต้องและเหมาะสมโรคภัยไข้เจ็บก็จะลดน้อยลงและวันนี้ทางเรามีท่าที่ถูกต้อเพื่อสุขภาพทมาฝากค่ะลองเช็คตัวเองไปพร้อมๆกันน่ะค่ะ  1.ท่านั่งทำงานกับโต๊ะ  เก้าอี้และโต๊ะทำงานควรมีระดับความสูงที่พอเหมาะกับตัวเองและเลือกเก้าอี้ควรที่จะสามรถปรับระดับความสูงได้เหมาะและหมุนได้หรือถ้าเป็นเก้าอี้ธรรมดาก็ลองหาหาหมอนหรือผ้ารองเพื่อนั่งสบายและควรควรมีที่พักเท้า ส่วนแขนควรวางบนโต๊ะข้อศอกควรงอประมาณ70-80 องศา    2.ท่านั่งทำงานกับกับคอมพิวเตอร์   ควรวางแป้นพิมพ์ที่ให้ต่ำกว่าตัวที่วางจอคอมพิวเตอร์ให้แขนขนานอยู่แนวเดียวกับโต๊ะหากต้องพิมพ์งานควรหาขาตั้งวางต้นฉบับให้เอียงขึ้นในระดับสายตา  3.ท่านั่งเขียนหนังสือ  ควรนั่งหลังตรงและถ้าคุณต้องนั่งเขียนหรืออ่านเป็นประจำก็ควรปรับระดับพื้นโต๊ะให้เอียงขึ้นพอเหมาะคอจะได้ไม่ต้องก้มมาก และนี้เป็นอีก2ท่าที่นำมาฝากค่ะซึ่งก็สำคัญมากเช่นกัน  4.ท่ายืนบรรยาย  และถ้างานของคุณต้องยืนพูดนานๆนั้น ควรมีเก้าอี้เตี้ยๆหรือวางที่วางเท้าเพื่อพักเท้าข้างใดข้างหนึ่งไว้สลับกัน ส่วนแขนจะวางบนแท่นที่พูดก็ได้  5.ท่านั่งขับรถ  ควรจัดเก้าอี้นั่งอยู่ใกล้พวงมาลัยพอควร เข่าและสะโพจะต้องอยู่ในท่างอและเท้าเหยียบเบรคจนสุด ปรับเบาะเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยบริเวณพนักพิงควรมีที่รองเอว    ที่มา:จากหนังสือบุคลิกภาพดี  รูปภาพประกอบ:internet  ที่มา http://variety.teenee.com/foodforbrain/50702.html

10 วิธีถนอมกระดูกสันหลังของคุณ

กระดูกสันหลังที่เป็นเสาหลักของร่างกาย เป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททุกเส้น ที่ออกไปควบคุมการทำงานของร่างกายในทุกระบบ เพื่อให้ร่างกายไม่ถูกทำร้ายด้วยความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีวิธีการหลีกหนีความเสี่ยงที่จะทำร้ายกระดูกสันหลังจาก ซีเคร็ท เชพ เวลเนส เซ็นเตอร์ (Secret Shape Wellness Center)   10. การนอนขดตัว/นอนตัวเอียง  ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ถูกต้องที่สุด ควรนอนให้ศีรษะอยู่ในแนวระนาบ หมอนหนุนศีรษะต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ควรมีหมอนรองใต้เข่าเพื่อลดความแอ่นของกระดูกสันหลังช่วงล่าง หากจำเป็นต้องนอนตะแคง ให้หาหมอนข้างก่ายโดยก่ายให้ขาทั้งหมดอยู่บนหมอนข้าง เพื่อรักษาแนวกระดูกให้อยู่ในแนวตรง    9. การหิ้วของหนักด้วยนิ้วบ่อยๆ  การหิ้วของหนักด้วยนิ้วบ่อยๆ จะมีผลทำให้มีพังผืดยึดตามข้อนิ้วมือ    8. การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว  ไม่ควรสะพายกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนเป็นการถือกระเป๋า โดยใช้ร่างกายทั้ง 2 ข้างให้เท่าๆ กัน อย่าใช้แค่ข้างใดข้างหนึ่งตลอด เพราะจะทำให้ต้องทำงานหนักอยู่เพียงซีกเดียว ส่งผลให้กระดูกสันหลังคดได้    7. การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง  จะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง    6. การยืนแอ่นพุง/หลังค่อม  ควรยืนหลังตรง แขม่วท้องเล็กน้อย เพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกช่วงล่างไม่ให้แอ่นและทำให้ไม่ปวดหลัง    5. […]