สุขภาวะ

อาหารป้องกันไข้หวัด

เว็บไซต์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้นำเสนออาหารง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด ในเครดิตและข้อมูลว่าผ่านการวิจัยจากทีมแพทย์ของมหาวิทยาลัยดังๆ มาแล้วทั้งนั้น น้ำมะนาว คือ สุดยอดเครื่องดื่มที่สามารถลดอาการเจ็บคอและเสมหะในลำคอได้เป็นอย่างดี ใช้น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น และใส่น้ำเชื่อมเล็กน้อย สามารถช่วยลดอาการเจ็บคอ และละลายเสมหะได้ดีเยี่ยม และยังมีวิตามินซี ที่ช่วยป้องกันโรคหวัดได้อีกด้วย น้ำขิง จะช่วยฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัสต่างๆ ที่ทำให้เกิดโรคหวัดและไข้หวัดในร่างกายเราได้ และเป็นยาแก้ปวดท้องได้อีกด้วย เราสามารถใช้ขิงสด 2 หัว นำมาต้มกับน้ำ 500 ซีซ๊. ต้มประมาณ 15 นาที ก็สามารถนำน้ำขิงมารับประทานได้เลย การใส่ขิงลงไปในอ่างอาบน้ำ ไอน้ำที่ผสมน้ำขิงนั้น จะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองของร่างกายให้ทำงานได้ดี กระเทียม กระเทียมมีคุณสมบัติช่วยป้องกันและรักษาเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ นักวิจัยในอังกฤษพบว่ากระเทียมสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการโรคหวัดได้ดียิ่งขึ้น น้ำมันละหุ่ง  ไอระเหยจากน้ำมันละหุ่งที่อยู่บนหน้าอกของเราขณะนอนหลับ จะช่วยให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยกระตุ้นให้ปอดของเราทำงานดีขึ้น การใช้น้ำมันละหุ่งนวดเบาๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวและวางบนหน้าอก จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ส้มและผลไม้ต่างๆ  การวิจัยพบว่า การดื่มน้ำส้มคั้นสดๆ ทุกวัน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคหวัดและไข้หวัดได้มากกว่า 25% และการได้รับวิตามินซี 1,000 มก. ทุก 6 ชั่วโมงช่วยรักษาอาการโรคหวัดและไข้หวัดได้เป็นอย่างดี   ที่มา: […]

ขับขี่ไม่ใส่หมวกกันน๊อคอันตราย 9.5 เท่า

ผู้ใช้รถจักรยาน 2 ล้อและมอเตอร์ไซค์ คงจะระวังตัวขึ้นมาบ้าง ถ้าหากจะทราบว่าหากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยจะได้รับอันตรายหนักและรุนแรงกว่าผู้สวมหมวกถึง 9.5 เท่า คณะวิจัยความปลอดภัยบนท้องถนน และสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยโมนาชของอังกฤษ ได้ศึกษาเปรียบเทียบอันตรายของการเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างผู้ที่ใช้หมวกกันน็อกกับศีรษะเปล่า พบว่าผู้ที่ไม่ใช้หมวกจะได้รับอันตรายหนักกว่า 9.5 เท่า ทั้งยังจะได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ กะโหลก และสมองรุนแรงกว่ากันมาก “การค้นพบของเรายืนยันว่าการใช้หมวกที่ได้รับมาตรฐาน จะช่วยป้องกันอันตราย ไม่ว่าจะล้มในท่าไหนได้ดีกว่า” ดร.แอนดรูว์ แมคอินทอช ผู้ทดสอบ กล่าวว่า “เราพบว่าหมวกจะช่วยป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากการชนอย่างแรงจนถึงแรงที่สุด เทียบได้เท่ากับการตกจากที่สูง 1.5 เมตร ด้วยความเร็วชั่วโมงละ 25 กม.”     ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ