ผมลองอ่านบทความของวารสารชีวจิต 16 ธันวาคมปี 51 ซึ่งใช้ได้น่าสนใจ
โดยคุณหมอนั้นท่านออกรายการช่อง 9 บ่อยๆรายการสุขภาพ ช่วง 8.00-9.00
ด้วยเนื้อเรื่อง
ความชราจะบอกลา
นพ.กฤษดา ศิรามพุช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์อายุรวัฒน์
อาจารย์พิเศษสอนนิสิตปริญญาเอกจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก็ออกมาให้ข่าวว่า การเข้าสู่ภาวะเสื่อมสังขารก่อนวัยอันควรกลาย
เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะนำไปสู่สังคมที่มี
ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น มีโรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า
ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ
“สาเหตุของภาวะเสื่อมสังขารแบ่งออกเป็นสองปัจจัย คือ
หนึ่ง ปัจจัยภายในที่เกิดการสะสมของความเครียด
ยิ่งขณะนี้ปัญหาการเมืองรุมเร้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ยิ่งทำให้คนไทยมีภาวะเครียดสูงขึ้น การก้าวสู่ภาวะแก่ก่อนวัย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก นอกจากนี้ปัญหาความเครียดจะพบมาก
ในคนเมืองหลวง โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นเมือง
ที่มีแต่การแข่งขัน
“ และสอง ปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อม มลภาวะ
เป็นพิษต่างๆ รวมทั้งพฤติกรรมการบริโภคที่ส่วนใหญ่นิยม
บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด โดยเฉพาะอาหาจำพวกแป้ง น้ำตาล
กาแฟ จะมีสารที่ทำให้แก่เร็ว
“พฤติกรรมการนอนหลับยังทำให้คนไทยแก่เร็วด้วย
เนื่องจากคนส่วนใหญ่นิยมนอนช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป
ทั้งๆที่เวลาที่ควรหลับพักผ่อนมากที่สุดคือ ช่วงที่สี่ทุ่ม
และตื่นนอนตอนหกโมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่โกร๊ธฮอร์โมน
(Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการเจริญเติบโต
จะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
“แต่หากเรานอนหลับหลังจากนั้นก็จะลดการหลั่งของโกร๊ธ
ฮอร์โมน สังเกตได้ว่าคนกรุงจะแก่เร็วมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่
จะนอนดึกๆกัน แต่หากลองปรับพฤติกรรมการนอน
เสียใหม่ แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ ก็จะทำให้รู้สึกสดชื่นทันที”
วิธีชะลอความเสื่อมของสังขารนั้นไม่ยาก ขึ้น
อยู่กับการดูแลสุขภาพของตัวเอง
โดยใช้วิธีง่ายๆที่เรียกว่า 3H ซึ่งประกอบไปด้วย
1.Healthy Weight รู้จักควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน
โดยการเลี่ยงแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะในอาหารจำพวก
ขนมปัง เค้ก เบเกอรี่ ส่วนน้ำตาลนั้น หลายคนหันมาบริโภค
สารให้ความหวานแทน
สารเหล่านี่มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร
หรือถูกความร้อนสูงๆ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นทั้งในและ
ต่างประเทศระบุว่า เมื่อสารให้ความหวาน ประเทศน้ำตาลเทียมไ
ด้รับความร้อนสูงๆ อาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดสารมะเร็งได้
ดังนั้นการจะบริโภคน้ำตาลเทียมควรเลือกสารให้ความหวาน
ที่ผลิตจากธรรมชาติ อาทิ ชะเอมเทศ หรือหญ้าหวาน เป็นต้น
2.Healthy Diet and Lifestyle บริโภคผักใบเขียว
โดย ควรบริโภคประมาณวันละ 5 กำมือ และปลาทูอีก 2 ตัว
เพราะอาหารเหล่านี้จะมีสารแอนติออกซิแดนต์ และควรออก-
กำลังกายควบคู่ไปด้วย
และ 3. Healthy Mind คือ ต้องมีกำลังใจที่ดี มีจิตและ
สมาธิอยู่กับปัจจุบัน โดยฝึกหายใจเข้าลึกๆ ให้ท้องป่อง
และกลั้นหายใจสัก 4 วินาที จากนั้นค่อยๆผ่อนลมหายใจออก
จะช่วยให้มีสติดีขึ้น
ที่สำคัญ ควรรู้จักฝึกใช้สมองสองซีก
อย่างสม่ำเสมอ เพราะการที่ใช้สมองเพียงซีกเดียวจะทำให้
เกิดความเสื่อมตามมา
ถ้าเราถนัดมือขวาก็ แสดงว่าสมองซีกซ้ายเราเด่น เรา
ต้องทำให้สมองซีกขวาเด่นด้วย โดยการฝึกใช้มือซ้าย หรือ
ให้ฝึกการใช้สัมผัสอื่นๆที่เราไม่ถนัด
ถ้าเรารู้สึกหิวนิดๆ ก็จะทำให้โกร๊ธฮอร์โมนหลั่งออกมามากด้วย
เพราะเมื่อร่างกายเริมหิวจะสั่งให้สมองให้หลั่งสารให้สมองรู้สึกโล่ง
จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น การที่รู้สึกดีก็จะทำให้จิตใจดี ช่วยชะลอ
ความแก่ไปในตัว
การ ออกกำลังจะช่วยได้มาก
คุณหมอแนะนำ ว่า การ ซิตอัพจะทำให้ร่างกายหลั่งโกร๊ธ
ฮอร์โมนมากขึ้น จะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ดังนั้น
ในแต่ละวันควรซิต อัพอย่างน้อย30 ครั้ง
ทุกวันนี้คนทำงานนิยมดื่มกาแฟ
จะ เพราะเป็นแฟชั่นหรือดื่ม จน ติดก็ตามที แต่ต้องรู้ด้วยว่า
กาแฟเป็นตัวทำลาความอ่อนเยาว์
พูดง่ายๆคือ ทำให้แก่ง่ายขึ้น รู้เอาไว้เสียก่อน จะได้ไม่
โทษใครอีกเมื่อมีใครมาทักว่า ทำไมดู “อาวุโสก่อนวัย” และ
ไปโกรธเขาก็ไม่ได้อีกเช่นกัน
ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ควรดื่มวันละ 1 แก้ว หรือควรดื่มกาแฟ
เพียงวันละ 2 ช้อนชาก็พอแล้ว มากกว่านั้นผมถือว่าเป็นทาสมัน
และต้องไม่ลืมว่า กาแฟยิ่งร้อนเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มความ
เข้มข้นให้กับกาเฟอีน ซึ้งเป็นตัวฟรีแรดิคัลที่ไม่เป็นมิตรต่อ
การทำให้เรามีอายุยืนยาวและมีความสุขเลย
หมายเหตุ
สารเคมีต่อต้านมะเร็งที่พบในธรรมชาติ (แอนติแคนเซอร์เคมิคัลส์)
จากหนังสือ “เมื่อหมอเป็นมะเร็ง” โดยธันย์ โสภาคย์
กลุ่มที่ 1 แอนติออกซิแดนท์ (ตัวต้านปฏิกิริยาเติมออกซิเจน)
ออกฤทธิ์ต้านพิษของโมเลกุลที่เรียกว่า
ฟรีแรดิคัลส์ (อนุมูลอิสระ)
ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเมตาโบลิซึ่มตามปกติ
อันเกิดจากการถูกแสงแดดจัด เอกซเรย์ ยาสูบ
ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ และจากเครื่องยนต์อื่น ๆ
โดยที่ฟรีแรดิคัลส์มีลักษณะไม่อยู่ตัว
เปรียบเสมือนอันธพาลที่จ้องทำลายเยื่อผนังเซลล์และทำลายดีเอ็นเอของเซลล์
ทำให้เซลล์กลายตัว (มิวเตชั่น) เป็นมะเร็งได้
นอกจากนั้นฟรีแรดิคัลส์ยังสามารถรวมตัวเองกับสารบางอย่างในร่างกาย
ทำให้เกิดเป็นตัวสร้างมะเร็ง (คาร์ซิโนเจน) ได้อีกด้วย